ในยุคที่ AI (Artificial Intelligence) กำลังเข้ามาเปลี่ยนทุกอุตสาหกรรม วงการออกแบบผลิตภัณฑ์และวิศวกรรมก็ไม่เว้นเช่นกัน หนึ่งในนวัตกรรมที่โดดเด่นที่สุดจาก Autodesk คือ Generative Design ซึ่งถูกบรรจุอยู่ใน Fusion 360 แพลตฟอร์มการออกแบบ–การผลิตแบบครบวงจร

Generative Design ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสร้างโมเดล 3D แต่คือ AI ที่ช่วย “คิด” แบบออกแบบให้แทนนักออกแบบ โดยอ้างอิงจากเงื่อนไขที่ผู้ใช้กำหนด เช่น วัสดุที่เลือก, ความแข็งแรงที่ต้องการ, น้ำหนักที่เบาที่สุด, หรือต้นทุนการผลิต

Fusion 360 Generative Design คืออะไร?

Generative Design คือฟีเจอร์ใน Autodesk Fusion 360 ที่ใช้ AI + Cloud Computing มาช่วยสร้างทางเลือกการออกแบบ (Design Options) จำนวนมากอย่างอัตโนมัติ

นักออกแบบเพียงใส่เงื่อนไข (Constraints) เช่น:

• ขนาดที่ต้องการ
• น้ำหนักสูงสุด
• โหลดที่ต้องรับได้
• วัสดุที่ใช้ (อลูมิเนียม, ไทเทเนียม, พลาสติก ฯลฯ)
• วิธีการผลิต (CNC, Casting, Additive Manufacturing)

AI จะประมวลผลและสร้างรูปแบบออกแบบหลายสิบแบบให้ผู้ใช้เลือกภายในเวลาไม่กี่นาที

ฟีเจอร์หลักของ Fusion Generative Design

1. AI-driven Design Exploration
• AI สร้างหลาย ๆ แบบโดยอิงจากเป้าหมาย (Goal) ที่ผู้ใช้งานกำหนด
• นักออกแบบไม่ต้องเริ่มจากศูนย์
2. Multi-objective Optimization
• เลือกเป้าหมายได้หลายอย่างพร้อมกัน เช่น “เบาที่สุด + แข็งแรงที่สุด + ราคาต่ำสุด”
• ได้ผลลัพธ์ที่สมดุลตามความต้องการจริง
3. Manufacturing-aware Design
• สร้างโมเดล 3D ของ PCB
• กำหนดวิธีการผลิตล่วงหน้า เช่น CNC Milling, Injection Molding, 3D Printing
• AI จะสร้างแบบที่สามารถผลิตจริงได้ ไม่ใช่แค่ Concept
4. Cloud Computing Power
• ใช้พลังประมวลผลจาก Cloud ของ Autodesk
• ประมวลผลเร็วขึ้น ไม่กินสเปกคอม
5. Simulation-ready Results
• แบบที่ได้สามารถนำไปทำ Finite Element Analysis (FEA) ได้ทันที
• ตรวจสอบแรงดัน, การบิดตัว, และความทนทาน

ประโยชน์ของ Fusion 360 Generative Design

• ลดเวลาออกแบบ: จากปกติอาจใช้เป็นสัปดาห์ เหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง
• ได้แบบที่หลากหลาย: เปิดโอกาสเจอ Solution ที่คนออกแบบเองอาจไม่เคยนึกถึง
• ลดน้ำหนักผลิตภัณฑ์: โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม Aerospace และ Automotive
• ประหยัดต้นทุน: เลือกวัสดุและวิธีการผลิตที่คุ้มค่าที่สุด
• เพิ่มคุณภาพงานออกแบบ: ได้ชิ้นส่วนที่แข็งแรง ทนทาน และผ่านการทดสอบ Simulation

ตัวอย่างการใช้งาน Fusion Generative Design

• อุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive)
• ออกแบบโครงสร้างชิ้นส่วนให้เบาลง แต่แข็งแรงเท่าเดิม → ลดการใช้น้ำมันและพลังงาน
• อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ (Aerospace)
• สร้างชิ้นส่วนที่น้ำหนักเบา ลดต้นทุนการปล่อยเชื้อเพลิง
• เพิ่มความปลอดภัยด้วยการทดสอบ Simulation
• งานวิศวกรรมเครื่องกล (Mechanical Engineering)
• พัฒนาเครื่องจักรที่ใช้วัสดุน้อยลง แต่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
• ด้านการแพทย์ (Medical Devices)
• ออกแบบอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ขาเทียม ที่เบาและสวมใส่สบายขึ้น

Fusion Generative Design vs การออกแบบแบบดั้งเดิม

Fusion Generative Design 2026 มีอะไรใหม่?

• AI ฉลาดขึ้น → ประมวลผลหลายเงื่อนไขพร้อมกัน (Multi-physics)
• Speed Boost → เร็วกว่าเวอร์ชัน 2025 ถึง 40%
• UI ใหม่ → ใช้งานง่ายขึ้นสำหรับผู้เริ่มต้น
• Integration → ส่งผลลัพธ์ไปยัง Fusion Simulation และ Fusion CAM ได้ทันที

Autodesk Fusion Generative Design ราคา

• Generative Design ไม่รวมอยู่ใน Fusion 360 Standard
• ต้องซื้อ Fusion 360 Generative Design Extensionแบบ Subscription
• ราคาแตกต่างตามประเทศและจำนวนผู้ใช้งาน

ในประเทศไทย สามารถซื้อผ่าน ITSC – ผู้จัดจำหน่าย Autodesk อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ได้บริการ Training และ Support ครบวงจร

วิธีเริ่มต้นใช้งาน Fusion Generative Design

1. ดาวน์โหลด Autodesk Fusion Cloud
2. ติดตั้งและ Activate License + Extension
3. สร้างโมเดลพื้นฐาน (Preserve Geometry + Constraints)
4. ใส่เงื่อนไข เช่น แรง, วัสดุ, วิธีการผลิต
5. รัน Generative Design → ได้หลายทางเลือก
6. เลือกแบบที่เหมาะสม → ส่งไป Simulation / CAM

สรุปข้อดีของ Fusion 360 Generative Design

• ใช้ AI + Cloud ช่วยออกแบบ → เร็วขึ้น หลายตัวเลือกขึ้น
• รองรับอุตสาหกรรมทุกประเภท ตั้งแต่ยานยนต์ อากาศยาน จนถึงการแพทย์
• ลดเวลาและต้นทุนในการออกแบบและผลิต
• ใช้งานง่าย เชื่อมต่อกับ Simulation และ CAM ได้ทันที
• เป็นก้าวใหม่ของงานออกแบบในอนาคต

Fusion 360 Generative Design ไม่ได้มาแทนที่นักออกแบบ แต่เป็น ผู้ช่วย AI อัจฉริยะ ที่ช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ ทำให้นักออกแบบและวิศวกรได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในเวลาอันสั้น หากคุณต้องการยกระดับกระบวนการออกแบบสู่อนาคต Generative Design ใน Fusion 360 คือเครื่องมือที่คุณไม่ควรพลาด