Autodesk InfraWorks 2026: AI + Digital Twin สำหรับงานออกแบบโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ

Autodesk InfraWorks 2026: AI + Digital Twin สำหรับงานออกแบบโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ

ในโลกที่เมืองต้องการการพัฒนาอย่างยั่งยืนและรวดเร็วขึ้น การออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Design) จำเป็นต้องพึ่งพา ซอฟต์แวร์ที่ผสานข้อมูลจริง + เทคโนโลยี AI + Digital Twin เพื่อช่วยให้นักวางผังเมืองและวิศวกรตัดสินใจได้แม่นยำมากขึ้น

Autodesk Infraworks 2026 จึงก้าวข้ามจากการเป็นแค่เครื่องมือทำโมเดล 3D ไปสู่ แพลตฟอร์ม Smart Infrastructure Design ที่พร้อมสำหรับยุค Digital Construction

InfraWorks คืออะไร?

Autodesk Infraworks เป็นซอฟต์แวร์สำหรับ:

  • การสร้างโมเดลโครงสร้างพื้นฐาน 3D จากข้อมูล GIS, LiDAR, Autodesk ReCap Pro
  • การออกแบบถนน, สะพาน, ทางแยก, ระบบระบายน้ำ
  • การทำ Simulation เช่น การจราจร, น้ำท่วม, สิ่งแวดล้อม
  • การสื่อสารโครงการให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเห็นภาพจริง

ฟีเจอร์ใหม่ใน InfraWorks 2026 (สด ไม่ซ้ำใคร)

  1. AI-assisted Design Proposals
    • ใช้ AI ช่วยเสนอแนวถนนหรือสะพานอัตโนมัติจากสภาพพื้นที่
    • วิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการจราจร
  2. Digital Twin Integration
    • ส่งโมเดล InfraWorks → Autodesk Tandem เพื่อสร้าง Digital Twin ของเมือง
    • ใช้สำหรับ Smart City Management
  3. Sustainable Design Toolkit
    • วิเคราะห์ Carbon Footprint ของโครงการ
    • เลือกวัสดุและแบบก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  4. Cloud-based City Model Collaboration
    • แชร์โมเดลโครงสร้างพื้นฐานบน Autodesk Construction Cloud
    • ผู้เกี่ยวข้องสามารถ Review และ Comment ได้แบบ Real-time
  5. Advanced Flood & Traffic Simulation
    • Simulation ใหม่ → น้ำท่วม, ระบายน้ำ, การจราจรหนาแน่น
    • ใช้ Big Data + AI เพื่อทำนายผลลัพธ์แม่นยำขึ้น

ทำไม InfraWorks 2026 ถึงตอบโจทย์ยุคใหม่

  • ตัดสินใจเร็วขึ้น → AI วิเคราะห์และเสนอ Solution ได้หลายแบบ
  • เชื่อมกับ BIM + GIS → ทำงานร่วมกับ Civil 3D , Revit , Autodesk ReCap Pro ได้ทันที
  • เหมาะกับโครงการ Smart City → ใช้ Digital Twin เชื่อมโลกจริงกับดิจิทัล
  • โปร่งใส → เจ้าของโครงการและภาครัฐเข้าใจภาพรวมง่าย
  • รองรับความยั่งยืน → วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ขั้นออกแบบ

ตัวอย่างการใช้งานจริง

  • โครงการถนนและสะพาน
    • ใช้ AI ของ InfraWorks เสนอ Alignment ที่สั้นและคุ้มค่าที่สุด
    • ทำ Simulation การจราจรก่อนก่อสร้าง
  • โครงสร้างพื้นฐานเมืองอัจฉริยะ
    • ทำ Digital Twin ของเมือง → ใช้ใน Urban Planning
    • วิเคราะห์ระบบระบายน้ำและพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม
  • สนามบินและโครงการขนส่ง
    • ออกแบบ Runway, Taxiway และระบบจราจรเชื่อมต่อ
    • Simulate ปริมาณการเดินทางล่วงหน้า

InfraWorks 2026 vs Civil 3D

ฟีเจอร์ InfraWorks 2026 Civil 3D 2026
Conceptual Design ✔ (เร็วและสวยงาม) Partial
AI-assisted Proposal
Digital Twin Integration Partial
Engineering Detail ✘ (ต้องเชื่อม Civil 3D)
Simulation ✔ (Traffic, Flood) Partial
สรุป: Autodesk Maya เหมาะกับงาน Conceptual + Visualization ส่วน Civil 3D เหมาะกับงาน Engineering Detail

ราคาและการใช้งาน

  • InfraWorks รวมอยู่ใน AEC Collection
  • เหมาะกับ หน่วยงานภาครัฐ, วิศวกรที่ปรึกษา, บริษัทโครงสร้างพื้นฐาน, และ Smart City Developer
ในประเทศไทย สามารถซื้อและขอ Training ได้กับ ITSC – Autodesk Partner อย่างเป็นทางการ

การเรียนรู้และ Training

  • Autodesk University → คอร์ส InfraWorks + BIM for Infrastructure
  • Autodesk Knowledge Network (AKN) → คู่มือและ Forum
  • ITSC Training Center → หลักสูตรการใช้ Infraworks + Civil 3D ร่วมกัน

วิธีเริ่มต้นใช้งาน

  1. Import ข้อมูล GIS, LiDAR, ReCap Pro
  2. สร้างโมเดลพื้นที่ 3D ใน InfraWorks
  3. ใช้ AI Proposal → สร้างถนน/สะพาน/ระบบน้ำ
  4. ทำ Simulation → การจราจร + น้ำท่วม
  5. แชร์โมเดลบน Cloud → ให้ทีมงานและเจ้าของโครงการ Review
  6. ส่งออกไป Civil 3D / Revit เพื่อทำงานเชิงลึกต่อ

สรุปข้อดีของ Autodesk InfraWorks 2026

  • AI ช่วยออกแบบ Alignment และวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม
  • เชื่อม Digital Twin → เหมาะกับ Smart City
  • Simulation น้ำท่วม + การจราจรแม่นยำขึ้น
  • Cloud Collaboration → ทำงานร่วมกันได้ Real-time
  • ตอบโจทย์การออกแบบโครงสร้างพื้นฐานยุคยั่งยืน

Autodesk Infraworks 2026 ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์ทำโมเดลถนนหรือสะพาน แต่คือ แพลตฟอร์ม AI-driven Smart Infrastructure Design ที่เชื่อมโยง โลกจริง → BIM → Digital Twin ได้อย่างสมบูรณ์ หากองค์กรของคุณต้องการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานที่ฉลาด รวดเร็ว และยั่งยืน Infraworks คือกุญแจสู่อนาคตของ Smart City